"ข้าพเจ้านี้ มีความจำเป็น ในการสรรหา สิ่งดีๆ ทั้งหลาย ที่มีอยู่ทั้ง 3โลก เพื่อนำมาบอกต่อ แก่เพื่อนมนุษย์ทุกคน อย่างจริงใจ...แม้เราจะได้เป็นสหายเทวดา มีเทวดา เป็นเพื่อนอยู่มากมาย แต่เรายังรัก และ ห่วงใย ในมนุษย์ด้วยกันทุกผู้ทุกคน สิ่งสำคัญทั้งหลายที่ได้พยายามทำ ก็เพียงเพื่อหวังให้เพื่อนมนุษย์ทุกคน อยู่ดี กินดี มีความสุข หมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย สิ่งใดๆ ที่เราทำได้ เราจะทำให้แก่ทุกๆคน ต่อไป เพราะเราเชื่อใจในบุญ และสหายผู้เป็นเทวดา ของเรา"
วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555
ยาสัม ยาครอบจักรวาล
ยาส้ม ยาครอบจักรวาล ของพระกรรมฐาน
จากหนังสืออนุสรณ์งานศพ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ก็มีการกล่าวเรื่องยาส้ม โดยคุณสุพล น่าชม ผู้ติดตามอุปัฏฐากท่านกว่า30ปีและเป็นผู้ทำยาส้มให้ท่านอาจารย์ได้กล่าวไว้เรื่องยาส้มอย่างละเอียดมาก ตั้งแต่ส่วนผสม , วิธีทำ , สรพพคุณ , การใช้ ,การเก็บรักษา , หมายเหตุ และสูตรน้ำมันผึ้งซึ่งก็เป็นยาขนานเอกของหลวงปู่ฝั้น เช่นกัน
น้ำมันผึ้ง
น้ำมันผึ้งคือน้ำมันที่กลั่นได้จากขี้ผึ้ง วิธีการกลั่นให้เอาขี้ผึ้งบริสุทธิ์หนักอย่างน้อย 1-2 กิโลกรัม ใส่ไหหรือหม้อ(ทำเหมือนกับวิธีการต้มกลั่นสุรา) แล้วกลั่นด้วยไฟที่ไม่แรงนัก ให้กลายเป็นน้ำมันออกมา เรียกว่าน้ำมันผึ้ง ใช้สำหรับทาแก้โรคต่างๆ น้ำมันที่กลั่นออกมานั้นก่อนใช้ต้องผสมกับน้ำมันอื่นเพิ่มเติมเข้าไปเสียก่อน คือ
1.)น้ำมันงา 2 ส่วน
2.)นำมันเลียงผา 2 หรือ 1 ส่วน
เอาน้ำมันสองอย่างที่กล่าวนี้ผสมกับน้ำมันผึ้งให้เข้ากันสนิท
สรรพคุณ - ใช้ทาแก้ปวดเมื่อย,เคล็ดยอกต่างๆ ใช้รักษาได้ทั้งแผลสด,แผลเปื่อย รักษาโรคกระดูกได้เป็นอย่างดีพิเศษ น้ำมันผึ้งนี้ท่านพระอาจารย์ฝั้นใช้เป็นประจำช่วยชาวบ้านให้หายจากโรคภัยมามากแล้ว
ยาแก้โรคเบาหวาน
ท่าให้เอารากหรือต้นกำแพงเจ็ดชั้น(ตะไก้) มาต้มกินแทนน้ำชา,กินวันละหลายๆครั้ง แล้วจะหาย อนึ่งถ้าชอบกลิ่นหอมให้เอาต้นยาดังกล่าวผ่าเป็นชิ้นบางๆอังไฟหรือปิ้งให้กรอบแล้วจึงต้ม ยาจะมีกลิ่นหอมชวนดื่มเป็นอย่างยิ่ง
ยาส้ม
ส่วนผสม
1.) เกลือ 2.) สารส้ม
3.) ดินปะสิว 4.) จุนสี (หาซื้อได้ตามร้านขายยาแผนโบราณ และ ร้านขายเคมีทั่วไป)
อย่างละเท่าๆกัน อย่างน้อยต้องหนักอย่างละ10บาท (150กรัม) ทั้งนี้สุดแท้แต่ภาชนะที่ใช้กลั่นจะบรรจุได้มากเท่าใด ถ้าภาชนะที่ใช้บรรจุลงได้มากจะเอาอย่างละมากๆก็ได้แต่ต้องให้มีน้ำหนักเท่ากัน ไม่ให้ขาดไม่ให้เกิน
วิธีกลั่น
การต้มกลั่นต้องใช้ภาชนะที่ทนต่อความร้อน ห้ามเอาภาชนะที่เป็นโลหะ เท่าที่ท่านพระอาจารย์ท่านเคยทำท่านใช้ไหกระเทียมสมัยเก่าที่มาจากเมืองจีน หม้อดินก็ใช้ไม่ได้ เมื่อได้ภาชนะที่จะกลั่นมาแล้วก็เอาตัวยาทั้งสี่อย่างบรรจุลงไป ไม่ต้องผสมน้ำ ใช้กลั่นแห้งๆตามสภาพของตัวยาใช้ไหกระเทียมอีกลูกหนึ่งมาเป็นภาชนะรองรับน้ำยา ใช้หลอดแก้วใสเป็นท่อต่อระหว่างปากไหทั้งสอง ถ้าไม่มีหลอดแก้วจะใช้ขวดแก้วขาวตัดก้นออกแทนก็ได้ เอาก้นขวดใส่ทางปากไหที่ใส่ตัวยาเอาปากขวดใส่ทางไหที่รองรับ ปิดปากไหทั้งสองด้วยดินเหนียวที่นวดไว้อย่างดีให้แน่นสนิท การกลั่นต้องรักษาระดับไฟในระยะแรกต้องไม่เร่งไฟให้ร้อนเกินไปอาจทำให้ระเบิดได้ ส่วนไหที่รองรับน้ำยานั้นก็ต้องใช้ความเย็นช่วยโดยเอาผ้าชุบน้ำคลุมไว้แล้วเอาน้ำเย็นรดให้เย็นอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ไอกลายเป็นหยดน้ำและช่วยดูดไอมาจากไหที่กลั่นด้วย
การกลั่นยาส้มนี้ถ้าตัวยามากก็ต้องใช้เวลามากหน่อยกว่ายาจะ"จืด"ก็ต้องเสียเวลาเป็นวันหรือทั้งวันทั้งคืน ถ้าจะดูว่ายาจืดหมดหรือยังให้สังเกตที่หลอดแก้วในตอนแรกๆจะมีควันออกมาเป็นสีขาวๆ เมื่อตัวยาถูกความร้อนจัดเข้าจะละลายแล้วเดือดเต็มที่ ควันในหลอดแก้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองๆ ถ้าเร่งไฟร้อนจัดเกินไป ควันจะเป็นสีเหลืองแก่และแดง ถ้าควันในหลอดแก้วออกเป็นสีแดงเข้มมากเกินไปให้ผ่อนไฟลงหน่อย ถ้าปล่อยนานจะเผาไหม้หมดก่อนและได้น้ำยาน้อย
ขณะกำลังกลั่นยากำลังเดือดและไอกำลังไหลออกมาตามหลอดแก้วนั้น ไหที่รองรับน้ำยาต้องรดน้ำให้เย็นตลอดเวลา ระวังอย่าให้น้ำที่ทำให้เย็นนั้นกระเซ็นไปถูกหลอดแก้ว แก้วจะแตกเสียก่อน เมื่อตัวยาหมดควันในหลอดแก้วจะกลับขาวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อตัวยาหมดแล้วให้ให้ถอยไฟออก เพื่อให้ความร้อนลดลง แล้วจึงค่อยๆแกะดินเหนียวที่หุ้มปากไหออกที่ด้านไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก ยกไหที่รองรับน้ำยาออกตั้งไว้ แล้วหาขวดมีจุกเป็นแก้วมาบรรจุตัวยาเก็บไว้ต่อไป
สรรพคุณยาส้ม
อันยาส้มนี้เป็นยาครอบจักรวาล ใช้แก้ได้หลายอย่าง เช่นแผลสดมีดบาดหรือตะปูตำ ใช้สำลีชุบยาส้มป้ายที่แผลแผลจะหาย(แต่ต้องทนแสบเอานิดหน่อย) แผลเปื่อยก็ใช้ได้แต่ไม่ใช่หิดเปื่อยพุพอง แผลเปื่อยพุพองเวลาใส่ยาส้มจะมีอาการแสบ เมื่อหายแสบแล้วแผลจะแห้งตกสะเก็ดหายไปเอง ถ้าจะแก้โรคต่างๆเกี่ยวกับเลือดเป็นต้นว่าสตรีออกลูกแล้วอยู่ไฟไม่ได้หรือคลอดบุตรแล้วเลือดตกมากหรือเป็นมุตกิดระดูขาว,ผอมแห้งแรงน้อย,มักเป็นลมหน้ามืดตาลายฯลฯ ให้ใช้ยาส้มผสมน้ำสะอาด(ถ้าได้น้ำฝนยิ่งดี) พอให้มีรสเปรี้ยวเท่ากับน้ำมะนาวหรืออ่อนกว่านิดหน่อย รับประทานวันละครึ่งถ้วยแก้ววันละสามเวลา รับไปเรื่อยๆจะหายเป็นปกติ โรคเกี่ยวกับสตรีนั้นใช้ได้ผลมาก อนึ่งโรคปวดท้องเกี่ยวกับมดลูกแลอื่นๆใช้เห็นสรรพคุณมามากแล้ว ถ้าเป็นตาแดง,เจ็บตา,ตาแฉะ ให้เอายาส้มผสมน้ำให้มีรสพอรู้สึกเปรี้ยว หยอดตาจะหายเจ็บ,หายแฉะ,หายจากเป็นตาแดง ตามลำดับ
การใช้ยาส้มรักษาโรคภายนอก นอกจากรักษาแผลแล้วยังแก้อสรพิษต่างๆได้ดีอีกด้วย เป็นต้นว่า ตะขาบกัด,แมลงป่องต่อย,ปลาดุกยักษ์ก็เอายาส้มใส่แก้ได้ ถ้าถูกพิษตะขาบหรือแมลงป่องใช้เข็มบ่งปากแผลให้มีเลือดออกนิดหน่อยเสียก่อน แล้วเอายาส้มใส่ที่แผล ความเจ็บปวดและอาการพิษอื่นๆจะหายในทันที
สำหรับแก้ปวดฟันแมงกินฟันรากฟันเน่า ใช้สำลีชุบยาส้มแปะที่รูของฟันหรือรากฟันที่เน่า อาการปวดจะหายเป็นปลิดทิ้ง ฟันเป็นรำมะนาดและลิ้นเป็นซางก็ใช้ยาส้มใส่ได้ผลดี ลิ้นเปื่อยเป็นแผลก็เช่นกัน อนึ่งสำหรับโรคเกี่ยวกับฟันจะใช้กากของยาส้ม(ที่เหลืออยู่ในไหที่ใช้กลั่น)ก็ได้ กากนี้นำมาบดใช้แทนยาสีฟันก็ดี
การเก็บรักษา
ตัวยาส้มเป็นกรดชนิดหนึ่งจะบรรจุในภาชนะที่เป็นโลหะต่างๆไม่ได้ เช่นสังกะสี หรือ ดีบุก ถ้าเอายาส้มใส่จะทะลุภายใน 5 -10นาที ต้องใช้ภาชนะที่เป็นแก้วด้วย อย่าใช้ฝาจุกอย่างอื่นยาจะกัดผุหมด
หมายเหตุ - ถ้ายาส้มหยดถูกเสื้อผ้าให้รีบเอาไปซักน้ำโดยเร็ว มิฉะนั้นผ้าจะขาด การใช้ยาส้มรักษาโรคต่างๆนั้นห้ามใช้ตัวยาล้วนๆ นอกจากใช้รักษาแผลและแก้พิษร้ายต่างๆ ตามธรรมดาต้องเจือน้ำหลายเท่า เวลามีคนมาขอท่านพระอาจารย์มักจะให้ยาที่เจือจางไว้ก่อนแล้ว ไม่ใช่ให้ตัวยาล้วนๆเพราะเกรงว่าเอาไปใช้ไม่ถูกจะเกิดอันตรายขึ้น โดยเฉพาะการใช้ในโรคตาต้องเจือน้ำให้อ่อนที่สุด เพียงมีรสเปรี้ยวนิดหน่อยเท่านั้น
คัดจากหนังสือ "อนุสรณ์งานศพพระอาจารย์ฝั้น อาจารเถระ"
21 มกราคม2521
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น