วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

น้องปัญญ์ อยู่ รพ.

7 เมย. เป็นวันที่3. แล้วที่น้องปัญญ์ต้องนอน รพ.นนทเวช เพราะเป็นไข้-ติดเชื้อ วันแรกหมอต้องเอ็กซเรย์ปอด วิธีก็คือ จับกดลงมัดตัวให้แน่น แล้วถ่าย รวม 3 ครั้ง น้องปัญญ์ ก็ร้องดิ้นตลอดเวลา เสร็จมานั่งรอร่วมชั่วโมง แล้วจึงมาบอกว่าต้องนอน เพราะปอดอักเสบ แต่กว่าจะพาขึ้นห้อง ก็ต้องแจ้งค่าใช้จ่ายก่อน พาขึ้นมา ก็เริ่มที่ พาไปดูดเสลด วิธีก็คือ จับกดแล้วช่วยกันมัดตัวให้แน่น เอาสายยางสอดเข้าจมูก ดูดๆ น้องก็ร้องตลอด นานทีเดียว เสร็จจึงเจาะให้น้ำเกลือ ต้องเจาะ 2 ครั้ง หาเส้นไม่เจอ แสดงว่า ผู้เจาะไร้ความชำนาญ ผู้ป่วยจึงต้องเจ็บ 2 รอบ จากนั้นพามาที่ห้อง พร้อมเปลี่ยนชุด และ เสาน้ำเกลือ สักพักหมอใหญ่มาดู แล้วถามโน่นนี่ ซึ่งเป็นคำถามเดิมคือ มีไอหรือเปล่า ตัวร้อนหรือเปล่า แต่ก่อนจะออกไป หมอบอกว่า เขาจะไม่อยู่ 2 วัน ออ..เราเพิ่งจะรู้ว่า เขารับคนไข้เสร็จแล้วจะไม่อยู่ ให้คนอื่นดูแทน จากนั้นพยาบาลก็วนเวียนกันมา วัดไข้บ้าง เติมยาในสายนำ้เกลือบ้าง ซึ่งจะไม่มีการมาพร้อมกัน แต่จะวนเวียนสับเปลี่ยนกันมา เพื่อให้ดูเหมือนว่า บริการดี แต่ที่จริง มันคือการรบกวนที่สุด เพราะน้องจะร้องทุกครั้ง ที่พวกเขาเข้ามา เพราะกลัว กลัวมากจนแม้ได้ยินเสียงเปิดประตู ก็จะร้องไห้แล้ว ใครเปิดประตูเข้าหรือออก เขาจะหันไปมองดูทันทีว่าเป็นใคร ถ้าเห็นใส่ชุดขาว ก็ร้องจ้าเลย ไม่ว่าจะมาแค่ตรวจเล็กๆน้อยๆก็ตาม กลัวมาก วันแรก 5 เมย.ตัวไม่ร้อนแล้ว แต่ไม่ยอมกินอะไร เพราะพอกินปุ๊บ ก็จะไอ ปั๊บ เลยไม่กล้ากิน ย่ากับพ่อเขามาเยี่ยมเอาตอนใกล้คำ่ สักพักกลับ ย่าเขาอุ้มหน่อย แต่พ่อเขาไม่ ตอนกลับน้องปัญญ์ยกแขนข้างที่พันสายน้ำเกลือ โบกบ๊ายบายพ่อเขา ตาเห็นแล้วน้ำตาซึม แต่ไม่รู้ว่าพ่อเขาจะคิดอะไรบ้าง วันนี้เพื่อนแม่เขามากันตลอด ตาก็อุ้มให้นอนหน้าอก หัวพาดบ่าอยู่เกือบตลอดเวลา กลับไปนอนบ้านตอนห้าทุ่ม แต่คืนนี้น้องก็โดนสอดสายยางดูดเสลดอีกรอบ แม่เขาบอกว่ามีเลือดออก หมอจึงหยุด นี่แสดงว่ามีพลาดอีกแล้วสิ..อาร์มก็เข้าไปดูหลานอยู่ตลอด ทุกคนสงสารน้องปัญญ์มาก ดูเหมือนแค่เรื่องเล็กๆ เป็นไข้ ตัวร้อน เจ็บคอ แต่ดูเหมือนหมอจะคิดว่า อาการหนัก อย่างงั้น เมื่อน้องนอน ตา กับ ยายปุณย์ และอาร์ม กลับไปนอนบัาน..เช้า ตามาแต่เช้า น้องปัญญ์ตื่นเห็นรีบส่งมือให้อุ้มทันที ตาก็เอาไว้กับอกอยู่อย่างนั้น หมอจะพาไปดูดเสลดอีก ตาเห็นว่าน้องไม่ค่อยมีเสลดแล้วจึงบอกไม่ต้อง เขาก็ไม่ว่าอะไร สักพักเอายามาให้กิน ก็ต้องจับมัด จับกรอกกันเหมือนเดิม เพราะน้องปัญญ์ กินยายากมากๆ สายๆ บอกพยาบาลว่า ผ้าเทปที่พันมือตรงที่ให้นำ้เกลือ มันกัดแขนน้องจนแดง และคัน เขาก็มาทำให้ น้องได้หลับยาว 11 โมง ถึงเที่ยงครึ่ง ก็ตื่นมาพ่นยา ได้นอนต่อ ก็จะมาเช็ดตัว ก็ยังไม่ให้เช็ด ย่ากับพ่อเขามา บ่ายสอง ตื่นมาดูเหมือนกัน ก่อนลงไป เขาก็ได้เห็นการพ่นยา ที่น้องร้องไห้จ้าด้วย ย่าลงไปจ่ายค่ารักษา 20,000 กว่า อยู่จนจะ 4 ทุ่ม ตาจะเอาน้องนอนบนเตียง บังเอิญสังเกตุเห็น มือน้องบวมเป่ง เหมือนน้ำเกลือคั่งอยู่ รีบไปตามพยาบาลมาดู ระหว่างรอก็แกะผ้าเทปที่พันอยู่ น้องก็ร้องตลอด พยาบาลมาก็เลยให้เอาออก แล้วต่อว่าไป ก็เลยไม่ได้ใส่สายน้ำเกลือต่อ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพยาบาลไม่มีความชำนาญอีกครั้งหนึ่งแล้ว เพราะตอนที่มาเปลี่ยนผ้าเทปนั่นแหละ รัดซะแน่น จนน้ำเกลือเดินไม่สะดวก จึงบวมเป่งจนมือเกือบแตกซะอย่างนั้น นี่ถ้าไม่บังเอิญเห็น คงแย่แน่ๆ เซ็งมาก กับความไม่เป็นมืออาชีพของ รพ.นนทเวช....ตี 4 น้องปัญญ์ตัวร้อนกลับมาอีก แม่เขาเลยแจ้งหมอ คืนนี้มีอ๋อ มานอนเป็นเพื่อน ก็ช่วยกันอุ้ม หมอให้ยาฆ่าเชื้อ เจาะเข้าทางมือขวาแทนมือซ้าย ให้ยาแล้วค้างสายเอาไว้ ตามาถึง6 โมงกว่า ก็หลับกันอยู่ รอจน เกือบ 9 โมง พยาบาลจะมาให้กินยา ก็เลยเอานมให้น้องปัญณ์กินก่อน ได้หน่อยนึง จึงไปตามยาจะให้เอามาให้กิน แต่หมอมาก่อน วัดหัวใจบ้างไรบ้าง เสร็จก็บอกว่าต้องเปลี่ยนยาฆ่าเชื้อตัวใหม่ เพราะน้องตัวร้อน ตาก็เลยถามไปว่า อ้าว..ยาใช้ไม่ได้แล้วเอาให้ทำไม เขาก็พูดไปต่างๆ นาๆ แล้วบอกว่าต้องต่อสายน้ำเกลือให้ต่อ ก็ตกลง สักพักใหญ่ก็มีพยาบาลเตรียมมาต่อน้ำเกลือให้ และก็เป็นอีกครั้ง ที่เราได้เห็นความเงอะๆงะๆ ต่อสาย เสียบสาย ทำหลุด ทำหล่น แกะไม่ออก ต่อไม่เข้า ต้องไปเอาอุปกรณ์ใหม่มา สารพัดที่จะชี้ให้เห็นว่า ไม่มีความเป็นมืออาชีพ หรือสมชื่อ นนทเวชเลย....ตาก็เลยไล่ให้ไปตามคนที่เขาทำเป็นมา สักพักก็มา คนใหม่ แก้ตัวให้อย่างดีเลยว่า เขาเรียนจบจากที่โน่น ที่นี่ แล้วขอถอดสายเก่า ขอเอาตัวไปเจาะใหม่ หาที่เจาะใหม่ เพราะที่เก่ามีซึม เฮ้อ...มีอย่างนี้ด้วย ขณะที่น้องปัญญ์ก็ร้องให้อยู่ตลอด เอ้า..ตกลงเจาะใหม่ก็เจาะใหม่วะ หลวมตัวเข้ามาแล้วนี่ แม่เขาอุ้มไป รอเจาะใหม่ ให้ยาตัวใหม่ นานพอควร กลับมาห้อง ตาก็กล่อมนอนแป๊บเดียวก็หลับ คงเพลียมากๆ น่าสงสารจริงๆ ทำไมต้องมาเจออะไรที่เยอะขนาดนีี้ เราก็หวังพาลูกพาหลาน พา ญาติมา รพ.นี้ตลอด แต่คราวนี้เป็นครั้งแรก ที่มีความรู้สึกไม่ดีมากๆ กับ นนทเวช. ตามความรู้สึกก็คือ 1.ไม่มีความชำนาญ กับการดูแลรักษาผู้ป่วยเด็ก 2.เลี้ยงไข้ ให้ยาไม่ตรงจุด เด็กเจ็บคอ-ไอ กินไม่ได้ แต่เน้นอยู่ที่ดูดเสลดๆ ให้ยาฆ่าเชื้อแล้วก็เปลี่ยนตัวยา แสดงว่าขาดความรู้ในคุณสมบัติยา หรือรู้แต่ขอเลี้ยงไข้ไว้ก่อน เพราะคนไข้มีน้อย เรามาอยู่ 2 วัน ท่านเก็บไปแล้ว 20,000 กว่า 3.การไม่เข้าใจคนไข้เด็ก เพราะมักจะมีพยาบาลวนเวียน มาทำโน่นนี่ บ่อยมาก ไม่เป็นอันได้หลับได้นอน ทำไมไม่มาพร้อมๆกัน จะเหตุผลใดก็ตาม ถ้าคิดถึงคนไข้เป็นสำคัญ ก็ต้องมีวิธี....สรุปว่าถึงขณะนี้ เราไม่พอใจ การให้บริการ ของ โรงพยาบาล นนทเวช เสียแล้ว อยากย้าย และไม่อยากฝากกายฝากไข้ ไว้กับที่นี่อีก หากผู้บริหารทราบ ก็ควรหาวิธีปรับปรุง เสีย ถึงแม้คุณจะคิดว่า การกระทำต่างๆของคุณที่เกิดขึ้นมันถูกต้องแล้วก็ตาม สิ่งที่คุณควรทำก็คือ อย่าให้คนไข้คนอื่น มีความรู้สึกเช่นเดียวกับเราอีก.....ขอบคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น